น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นเป็นเครื่องปรุงรสที่อยู่ในหมวดของน้ำจิ้มซีฟู้ดที่มีทั้งแบบข้นและแบบน้ำ ซึ่งจะเพิ่มรสชาติให้กับอาหารที่เราชอบ และสามารถทำเองที่บ้านได้ง่ายๆ ด้วยวัตถุดิบที่ไม่ซับซ้อน ในบทความนี้เราจะแนะนำสูตรการทำน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นที่มีรสชาติเป๊ะๆ และเคล็ดลับในการทำให้คุณสามารถปรับปรุงรสชาติได้อย่างลงตัว
สำหรับคนรักความเป๊ะของรสชาติ น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นเป็นอาหารที่ไม่ควรพลาดเลย! น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นไม่เพียงแต่มีรสชาติเผ็ดน้อยๆ แต่ยังมีความเปรี้ยวหวานที่สมดุลดี ทำให้ใครที่ได้ลิ้มลองกลิ่นหอมอร่อยที่ต้องการซ้ำใจอีกครั้ง
น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นมีส่วนประกอบที่ง่าย ไม่ซับซ้อน และสามารถทำได้ในบ้านโดยใช้วัตถุดิบที่คุณสามารถหาได้ง่ายๆ ดังนี้
ส่วนประกอบของน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่น
ก่อนที่เราจะเริ่มทำน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่น เราต้องเตรียมส่วนประกอบให้พร้อมก่อน ซึ่งจะประกอบด้วย:
1. พริกขี้หนูจินดา 150 กรัม
พริกขี้หนูจินดาเป็นส่วนประกอบหลักในน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่น เนื่องจากมีรสชาติเผ็ดน้อยๆ ทำให้สามารถเพิ่มปริมาณให้หนักได้ตามความชอบของคนที่รับประทาน
2. กระเทียมไทย 100 กรัม
กระเทียมไทยเป็นส่วนประกอบที่ให้กลิ่นหอมและรสชาติหวานๆ ทำให้น้ำจิ้มซีฟู้ดมีความอร่อยมากยิ่งขึ้น
3. เกลือ 60 กรัม (3 1/2 ช้อนชา)
เกลือเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นในการทำน้ำจิ้มซีฟู้ด เพื่อเพิ่มรสชาติที่เข้มข้นและความเค็ม
4. น้ำตาลปี๊บ 230 กรัม (7 ช้อนโต๊ะ)
น้ำตาลปี๊บมีความหวานที่พอดี ทำให้น้ำจิ้มซีฟู้ดมีรสชาติที่สมดุลและน่ารับประทาน
5. พริกไทยขาว 1/2 ช้อนชา
พริกไทยขาวช่วยเพิ่มรสชาติของน้ำจิ้มซีฟู้ดให้เป็นเอกลักษณ์และสมดุลยิ่งขึ้น
6. ผักชี 50 กรัม
ผักชีเป็นส่วนประกอบที่ใช้ในน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่น เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมสดให้กับน้ำจิ้ม
7. น้ำมะนาวสด 250 มิลลิลิตร
น้ำมะนาวสดช่วยเพิ่มรสชาติเปรี้ยวหวานที่สมดุลให้กับน้ำจิ้มซีฟู้ด
8. น้ำต้มสุก 100 มิลลิลิตร
น้ำต้มสุกใช้เพื่อความเข้มข้นของน้ำจิ้มซีฟู้ดและช่วยให้เกิดรสชาติที่หนักขึ้น
ขั้นตอนในการทำน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่น

1. บริเตนพริกขี้หนูและกระเทียมไทยให้ละเอียด
ในขั้นตอนแรก เราจะเตรียมพริกขี้หนูและกระเทียมไทยให้เป็นเม็ดเล็กๆ โดยใช้บริเตนหรือมีเครื่องปั่นให้ช่วย ทำให้ส่วนประกอบทั้งสองอย่างนี้ละเอียดที่สุด
2. เตรียมผักชีและพริกไทยขาว
หลังจากที่ได้บริเตนพริกขี้หนูและกระเทียมไทยให้ละเอียดแล้ว เราจะเตรียมผักชีและพริกไทยขาวให้พร้อมในถังเดียวกัน
3. ผสมส่วนประกอบทั้งหมดในตัวปั่น
เมื่อทุกส่วนประกอบพร้อมแล้ว เราจะนำพริกขี้หนูและกระเทียมไทยมาผสมกับผักชีและพริกไทยขาวในถังเดียวกัน และนำมาปั่นให้ละเอียด
4. เพิ่มน้ำตาลปี๊บและเกลือ
เมื่อน้ำพริกผสมพร้อมแล้ว เราจะเพิ่มน้ำตาลปี๊บและเกลือลงไปในถัง และปั่นให้เข้ากันเป็นอย่างดี
5. เติมน้ำมะนาวสดและน้ำต้มสุก
เพื่อให้น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นมีรสชาติที่เปรี้ยวหวานที่สมดุล เราจะเติมน้ำมะนาวสดและน้ำต้มสุกให้เข้ากัน
6. ปรุงรสตามชอบ
เมื่อทุกส่วนประกอบผสมกันเป็นอย่างดีแล้ว สามารถปรุงรสตามความชอบของตัวเองได้ เพิ่มเกลือ น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำมะนาวสดตามต้องการ
เคล็ดลับในการเก็บน้ำจิ้มซีฟู้ดให้รับประทานได้นาน

เพื่อให้น้ำจิ้มซีฟู้ดสามารถใช้งานได้นานและคงความอร่อย เราควรปฏิบัติตามเคล็ดลับดังนี้:
- ควรใช้ภาชนะที่สะอาดและปิดกันในการเก็บน้ำจิ้มซีฟู้ด เช่น ขวดแก้วหรือภาชนะพลาสติกที่มีฝาปิด
- ก่อนนำน้ำจิ้มซีฟู้ดเก็บ ควรระวังไม่ให้มีการปนเปื้อนของอาหารหรือสิ่งอื่นๆ เข้าไป โดยเก็บในภาชนะที่ทันสมัยและสะอาด
- ควรเก็บน้ำจิ้มซีฟู้ดในที่ที่มีอุณหภูมิเย็น และแห้ง ไม่ถูกแดด หรือมีความชื้นสูง
- เก็บในตู้เย็นหรือตู้แช่ให้เป็นประจำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของน้ำจิ้มซีฟู้ดได้
- ควรเลือกใช้น้ำจิ้มซีฟู้ดที่ไม่มีส่วนประกอบที่เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนสี หากมีสัญญาณที่ชัดเจนว่าน้ำจิ้มซีฟู้ดไม่เหมาะกิน ควรทิ้งทิ้งเพื่อความปลอดภัย
- ในกรณีที่น้ำจิ้มซีฟู้ดเป็นแบบน้ำ ควรเขย่าภาชนะก่อนนำมาใช้ เพื่อให้ส่วนประกอบผสมกันเข้ากันให้ทั่วถึง
- วัตถุดิบเช่นพริกขี้หนู กระเทียม รากผักชีควรเป็นสด จากนั้นควรล้างและตากให้แห้งก่อนทำอาหารเพื่อให้เก็บรักษาได้นานขึ้น
- สำหรับน้ำส้มสายชู จะทำหน้าที่เป็นน้ำจิ้มรมควบคู่กับพริกขี้หนู เพื่อป้องกันการเน่าเสียของพริก ทำให้สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น แต่รสชาติจะไม่เปรี้ยวเหมือนมะนาว
- ในกระบวนการทำน้ำจิ้มซีฟู้ด นำวัตถุดิบทั้งหมด ยกเว้นน้ำมะนาว มาต้มให้เดือด เทใส่ขวดในขณะที่ยังอุ่น และปิดฝาทันที ช่วยในการฆ่าเชื้อโรค ในขณะที่ทาน ให้เทใส่แก้วและค่อยๆ บีบมะนาวลงไป
- ก่อนที่จะทาน ควรแยกน้ำจิ้มซีฟู้ดเป็น 2 ส่วน: ส่วนที่จะทานและส่วนที่จะเก็บรักษา
- เมื่อทำเสร็จแล้ว ควรเก็บน้ำจิ้มซีฟู้ดในภาชนะที่มีฝาปิด ใส่ขวด หรือแบ่งเป็นถุงเล็กๆ และเก็บในตู้เย็น น้ำจิ้มซีฟู้ดสามารถเก็บรักษาได้ประมาณ 1 เดือน ก่อนใช้งานควรวางในตู้เย็นล่วงหน้า หรือเอาออกมาวางที่อุณหภูมิห้อง จนน้ำจิ้มเปลือก หากวางในช่องแช่ปกติ สามารถเก็บรักษาได้ประมาณ 5-7 วัน
- หากเก็บน้ำจิ้มซีฟู้ดนานเกินไป สีและรสชาติจะเปลี่ยนแปลง ไม่ควรทานอีกครั้ง
การเก็บน้ำจิ้มซีฟู้ดอย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณสามารถใช้งานน้ำจิ้มซีฟู้ดได้นานๆ และรับประทานอาหารทะเลที่อร่อยและสดชื่นยาวนาน อย่าลืมปฏิบัติตามเคล็ดลับดังกล่าวเพื่อความปลอดภัยและความอร่อยที่มากยิ่งขึ้น!
FAQs
1. น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นใช้กับอาหารอะไรได้บ้าง?
น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นเหมาะกับอาหารทะเลทุกชนิด เช่น กุ้ง ปู หอย หางนกยูง หรือปลา
2. สามารถเพิ่มส่วนประกอบอื่นๆ เข้าไปในน้ำจิ้มซีฟู้ดได้หรือไม่?
ใช่ คุณสามารถเพิ่มส่วนประกอบอื่นๆ เข้าไปในน้ำจิ้มซีฟู้ดตามความชอบ เช่น กระชาย หรือมะกรูด
3. น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานเท่าไหร่?
น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์
4. ส่วนประกอบของน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นสามารถปรับแต่งรสชาติได้หรือไม่?
ใช่ คุณสามารถปรับแต่งรสชาติของน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นตามความชอบได้ ถ้าคุณชอบรสเผ็ดมาก ก็เพิ่มพริกขี้หนูเข้าไป หากชอบรสเปรี้ยวมาก ก็เพิ่มน้ำมะนาวสดเข้าไป
5. น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นสามารถใช้เป็นน้ำจิ้มกับอาหารอื่นๆ ได้หรือไม่?
ใช่ น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นสามารถใช้เป็นน้ำจิ้มกับอาหารอื่นๆ ได้ เช่น หมูย่าง หมูสามชั้น หรือผักสด
สรุป
น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นเป็นอาหารที่ให้ความเป๊ะเวลารับประทานอาหารทะเล การทำน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นไม่ซับซ้อนและสามารถปรับปรุงรสชาติได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นรสชาติที่เผ็ดหวานเปรี้ยวหรือเค็ม เปิดความเป๊ะสุดอร่อยของอาหารทะเลกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นที่คุณทำเองในบ้านได้ง่ายๆ